ไทยแลนด์
Friday 29th of March 2024
0
نفر 0

การผ่าดวงจันทร์ (ชักกุ้ลกอมัร) ปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซาต) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ)

การผ่าดวงจันทร์ (ชักกุ้ลกอมัร) ปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซาต) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ)

 

 

بِسمِ اللَّهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِیم

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ผู้ทรงเมตตายิ่ง ผู้ทรงปรานีเสมอ

 

اقْترَبَتِ الساعَةُ وَ انشقَّ الْقَمَرُ

“กาลอวสานของโลกใกล้เข้ามาแล้ว และดวงจันทร์ได้แยกออก”

 

وَ إِن یَرَوْا ءَایَةً یُعْرِضُوْا وَ یَقُولُوْا سِحْرٌ مُّسْتَمِرُّ

“และแม้พวกเขาจะเห็นสัญลักษณ์ (ปาฏิหาริย์ที่แสดงถึงความสัจจริงของมุฮัมมัด) พวกเขาก็จะหันหลังให้ และจะกล่าวว่า นี่คือมายากลที่มีมาอย่างต่อเนื่อง”

 

وَ کذَّبُوا وَ اتَّبَعُواَ اَهْوَاءَهُمْ وَ کلُّ أَمْرٍ مُّستَقِرُّ

“และพวกเขาได้ปฏิเสธและปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขา และทุกกิจการนั้นย่อมเป็นไปตามกำหนด”


(ซูเราะฮ์อัลกอมัร/อายะฮ์ที่ 1- 3)

 

             
ในนครมักกะฮ์ ในค่ำคืนที่ 14 (ของเดือนซุลฮิจญะฮ์) อบูญะฮัลพร้อมด้วยผู้รู้ชาวยิวคนหนึ่ง ได้ไปพบท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และอบูญะฮัลได้กล่าวว่า:
“โอ้มุฮัมมัด! ถ้าหากเจ้าเป็นผู้สัจจริงในการกล่าวอ้างตนเป็นศาสดา ดังนั้น เจ้าก็จงแสดงปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) และสิ่งมหัศจรรย์ให้เราเห็นกับตาเถิด มิเช่นนั้นแล้วเราจะฆ่าเจ้า”

 

ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้กล่าวอย่างใจเย็นว่า: “ท่านต้องการให้ฉันทำอะไร?” อบูญะฮัลได้หันไปหาชาวยิวผู้นั้น โดยกล่าวว่า: “เราจะให้เขาทำสิ่งใดที่เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้?”
 ชายชาวยิวผู้นั้น กล่าวว่า : “มุฮัมมัดนั้นเป็นนักมายากล ไม่ว่าเราต้องการให้เขาทำสิ่งใดในหน้าแผ่นดินนี้ ดังนั้นท่านจงขอให้เขาแยกดวงจันทร์เถิด เพราะว่ามายากลนั้นจะไม่บังเกิดผลใด ๆ ในท้องฟ้า และนักมายากลนั้นจะไม่สามารถครอบครองสิ่งใดในมันได้ และเมื่อมุฮัมมัดไร้ความสามารถจากการกระทำดังกล่าว เราจะทำการสังหารเขา”  


อบูญะฮัลจึงกล่าวว่า :
 “เจ้าจงแยกดวงจันทร์นี้ให้เราได้เห็นเถิด” ดังนั้น ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จึงวิงวอนขอดุอาอ์ และได้ชี้นิ้วไปยังดวงจันทร์ และได้แยกมันออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งหยุดอยู่กับที่ และอีกซีกหนึ่งได้เคลื่อนที่ไปอีกด้านหนึ่ง และได้ดำเนินไปเช่นนี้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

หลังจากนั้นไม่นานนักอบูญะฮัลได้กล่าวว่า:


“เจ้าจงทำให้ดวงจันทร์กลับสู่สภาพเดิม” ดังนั้น ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จึงทำให้ดวงจันทร์ทั้งสองซีกประกบเข้าด้วยกันเหมือนเดิม และกลับกลายเป็นดวงจันทร์เพ็ญอีกครั้งหนึ่ง

 

ชายชาวยิวซึ่งเป็นผู้รู้ของศาสนายูดาย เมื่อได้เห็นปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) ดังกล่าวของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เขาได้เข้ารับอิสลาม  แต่อบูญะฮัลกลับเกิดความโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น พร้อมกับกล่าวว่า : “เขาได้ปิดตาของเราด้วยมายากล และด้วยกับไสยศาสตร์เขาได้ทำให้เราหลงคิดว่า เขาได้ผ่าดวงจันทร์ให้เราได้เห็น” เพื่อที่จะพิสูจน์คำพูดของตน


อบูญะฮัลได้กล่าวว่า : เราจะถามบรรดาผู้เดินทางทั้งจากไกลและใกล้ เพื่อที่จะได้รับรู้ถึงเรื่องการแยกของดวงจันทร์ (ชักกุ้ลกอมัร) นี้ เขาได้ถามจากบุคคลเหล่านั้น บรรดาผู้เดินทางต่างกล่าวว่า : “ในช่วงเวลาดังกล่าวของค่ำคืน พวกเราได้เห็นการแยกออกของดวงจันทร์ด้วยกับตาของพวกเรา” แต่อบูญะฮัลก็ยังคงไม่ศรัทธาเช่นเดิม และได้อ้างเหตุผลเช่นนี้ว่า มายากลของมุฮัมมัดได้ส่งผลต่อบรรดาผุ้เดินทางชาวฮิญาซด้วย และบรรดาผู้ปฏิเสธชาวกุเรชผู้ทระนงตนก็ได้เชื่อตามอบูญะฮัล

          
ชาวกุเรชได้ขอให้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) แสดงปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) และท่านก็ได้ใช้นิ้วมือชี้ไปยังดวงจันทร์ และดวงจันทร์เพ็ญก็ได้แยกตัวออกเป็นสองซีกด้วยเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า และได้ประกบเข้าด้วยกันเหมือนเดิม แล้วหลังจากนั้น โองการนี้จึงถูกประทานลงมาว่า :

 

اقْترَبَتِ الساعَةُ وَ انشقَّ الْقَمَرُ

“กาลอวสานของโลกใกล้เข้ามาแล้ว และดวงจันทร์ได้แยกออก”

 

การผ่าดวงจันทร์ของท่านศาสดาได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว!


     
 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ  (ของสหรัฐอเมริกา) หรือ องค์การ "นาซ่า" (NASA) ได้ค้นพบว่า ดวงจันทร์ได้เคยแยกตัวออกเป็นสองซีกและหลังจากนั้นได้ประกบเข้าด้วยกันเหมือนเดิม เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ภาษาอาหรับ "Al- Watan" ตีพิมพ์ในอเมริกา ได้อ้างคำพูดจากนักวิจัยด้านดาราศาสตร์ชาวจอร์แดน ได้เขียนในเรื่องนี้ว่า:


ยานอวกาศ Clementine ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ทำการสำรวจในการโคจรรอบดวงจันทร์มาเป็นระยะเวลาหลายปีนั้น ได้ไปถึงข้อสรุปว่า ดวงจันทร์เมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมาได้แยกตัวออกเป็นสองส่วนเท่ากัน และได้ประกบเข้าด้วยกันเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง นักวิจัยชาวจอร์แดนผู้นี้ ได้ส่งคำรายงานหนึ่งไปยังองค์การนาซ่า (NASA) โดยแจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ชาวมุสลิมเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ 1,400 ปีที่ผ่านมา และมีความเกี่ยวข้องกับปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ที่เรียกว่า


 "ชักกุ้ลกอมัร" (การผ่าดวงจันทร์)  องค์การนาซ่าไม่สามารถหาคำอธิบายสำหรับการค้นพบของตนได้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่หายากนี้ จวบจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับเทหะวัตถุแห่งท้องฟ้าใด ๆ มาก่อนเลย

 

บนพื้นฐานของหลักฐานใดทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นตัวพิสูจน์ประเด็นการผ่าดวงจันทร์ (ชักกุลก้อมัร) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ)

 

คำถาม : เมื่อเร็ว ๆ นี้ ประเด็นเกี่ยวกับการผ่าดวงจันทร์ (ชักกุ่ลกอมัร) ได้รับการพิสูจน์บนพื้นฐานของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประการใดบ้าง?  บรรดายานสำรวจอวกาศได้ค้นพบสิ่งใดใหม่เกี่ยวกับดวงจันทร์  และพวกเขาได้มีการตีพิมพ์ข่าวใดบ้างในการพิสูจน์ทางด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับประเด็นนี้?  

คำตอบโดยสังเขป : เพื่อที่จะได้รับคำตอบที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น จะขอชี้ถึงบางประเด็นดังต่อไปนี้

 

1. การผ่าดวงจันทร์ (ชักกุ้ลก้อมัร) คือปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ)
พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสไว้ในซูเราะฮ์อัลอินชิก๊อก เช่นนี้ว่า :

اقْترَبَتِ الساعَةُ وَانشقَّ الْقَمَرُ

                              “กาลอวสานของโลกใกล้เข้ามาแล้ว และดวงจันทร์ถูกแยกออก”

                                                 ซูเราะฮ์อัลกอมัร/อายะฮ์ที่ 1

           
ในโองการนี้ ได้กล่าวถึงสองเหตุการณ์ที่สำคัญ นั่นคือ : เหตุการณ์แรกเกี่ยวกับการใกล้จะมาถึงของกาลอวสานของโลก (กิยามะฮ์) ซึ่งจะติดตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งการสร้างสรรค์ และเหตุการณ์ที่สอง คือปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ที่มีเหนือทุกสรรพสิ่ง และยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ถึงความสัจจริงของความเป็นศาสดาของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)   
         
มีกรณีแวดล้อมบ่งชี้จำนวนมากอยู่ในโองการนี้ ที่เน้นย้ำถึงการเกิดขึ้นของปาฏิหาริย์(มุอ์ญิซะฮ์) ประการหนึ่ง ตัวอย่างเช่น การกล่าวถึงประเด็นนี้ โดยใช้รูป “กิริยาอดีตกาล” ซึ่งเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า “ชักกุ้ลกอมัร” (การผ่าดวงจันทร์) นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ทำนองเดียวกันกับที่การใกล้ถึงช่วงเวลาแห่งกาลอวสานของโลกก็เป็นจริงแล้วด้วยกับการมาของศาสดาท่านสุดท้าย
 
 นอกเหนือไปจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ริวายะฮ์ (คำรายงาน) จำนวนมากได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือต่าง ๆ ของอิสลามเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) นี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี หรือถึงขั้นตะวาตุร (มีสายรายงานมากมายต่อเนื่องในทุกยุคสมัย) และด้วยเหตุนี้เองจึงไม่สามารถปฏิเสธได้

         
ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับกรณีที่ว่า “ชักกุ้ลกอมัร” (การผ่าดวงจันทร์) เป็นปาฏิหาริย์
(มุอ์ญิซะฮ์) ที่ยิ่งใหญ่ของท่านศาสดาแห่งอิสลาม (ซ็อลฯ) นั้น ก็คือว่า ในคำรายงานบางบทเราจะพบว่า สาเหตุของการนำเสนอเรื่อง “การผ่าดวงจันทร์” (ชักกุ้ลกอมัร) ต่อท่านศาสดา (ซ็อลฯ) โดยสื่อบรรดาผู้ปฏิเสธชาวกุเรชนั้น ก็เนื่องจากการที่พวกเขากล่าวว่า มายากลนั้นจะบังเกิดผลเฉพาะในเรื่องต่าง ๆ ในหน้าแผ่นดินเท่านั้น เราต้องการที่จะให้แน่ใจว่า ปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) ของมุฮัมมัดนั้นไม่ใช่มายา  
                                    
2. ชักกุลก้อมัร (การผ่าดวงจันทร์) ในทัศนะของวิทยาการในปัจจุบัน

ในที่นี้อันดับแรก จำเป็นต้องกล่าวว่า ปรากฏการณ์ของการแตกและการแยกตัวในเทหะวัตถุและกลุ่มดาวในท้องฟ้า ในมุมมองของการสำรวจและการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ของบรรดานักวิชาการทางด้านดาราศาสตร์นั้น ไม่เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เท่านั้น แต่ทว่า ตัวอย่างต่าง ๆ ของมันได้ถูกพบเห็นมาแล้วบ่อยครั้ง แม้ว่าในแต่ละปรากฏการณ์นั้นจะมีสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นเฉพาะของมันก็ตาม

        
กล่าวอีกสำนวนหนึ่งก็คือว่า : บ่อยครั้งที่ในระบบสุริยจักรวาลและดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในฟากฟ้าได้เกิดการแยกตัวและการระเบิด เพื่อเป็นตัวอย่างเราจะขอชี้ให้เห็นว่า ดาวเคราะห์ทั้งมวลของระบบสุริยจักรวาล ในช่วงเริ่มแรกนั้นเป็นส่วนหนึ่งของดวงอาทิตย์ และต่อมาได้แยกตัวออกมาจากมัน และแต่ละดวงดาวจะเคลื่อนตัวไปในวงโคจรของมัน ทฤษฎีนี้เป็นที่ยอมรับของนักวิชาการทั้งหมด

        
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับการแยกตัวดังกล่าวนี้ ระหว่างปีแยร์-ซีมง ลาปลัส (Laplace) และบรรดานักวิทยาศาสตร์ ภายหลังจากเขา มีทัศนะที่ขัดแย้งกันว่า สาเหตุของการแยกตัวดังกล่าวเกิดจาก "แรงเหวี่ยงจากศูนย์กลาง" ในบริเวณเส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์ หรือกระแสคลื่นที่รุนแรงบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ที่เป็นผลมาจากการโคจรผ่านของดาวขนาดใหญ่ในระยะที่ใกล้มาก?

       
การระเบิดและการแยกตัวของเทหะวัตถุต่าง ๆ ในฟากฟ้านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และในแง่ของวิทยาศาสตร์นั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ จึงจะทำให้กล่าวว่า ปาฏิหาริย์นั้นจะไม่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

      
 แต่ในกรณีของการแตกและการแยกตัวและการประกบเข้าด้วยกันเหมือนเดิมของดวงจันทร์ จำเป็นต้องกล่าวว่า : การกลับคืนสู่สภาพปกติของการแยกตัวดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นโดยผลของแรงโน้มถ่วงหรือแรงดึงดูดซึ่งมีอยู่ในระหว่างชิ้นส่วนทั้งสองนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างแท้จริง แม้ว่าในวิชาดาราศาสตร์โบราณซึ่งเป็นไปตามความเชื่อของ "ปโตเลมี" (Ptolemy) และทฤษฎีของเขาที่ว่าดาวเคราะห์ทั้งเก้ามีผิวชั้นเหมือนเปลือกหัวหอม โดยที่เทหะวัตถุทรงกลมที่มีผลึกทับซ้อนกันเหล่านี้ การฉีกขาด (การแยกตัว) ออกจากกันและเชื่อมต่อกลับเข้าด้วยกันเหมือนเดิมของมัน ในมุมมองโดยรวมแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ บรรดาผู้ที่มีความเชื่อเช่นนี้ จึงได้ปฏิเสธทั้งเรื่องการขึ้นสู่ฟากฟ้า (เมี๊ยะอ์รอจ) โดยร่างกาย และทั้งการผ่าดวงจันทร์ (ชักกุลลก้อมัร) ทั้งนี้เนื่องจากจะเป็นสาเหตุของการแยกตัวออกจากกันและหลังจากนั้นคือการหลอมรวมกลับเข้าด้วยกันดั่งเดิม แต่ปัจจุบันนี้ ซึ่งทฤษฎีของปโตเลมีได้กลายเป็นตำนานและนิยายปรัมปราไปแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีพื้นที่สำหรับคำพูดเหล่านี้อีก
       
 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ  (ของสหรัฐอเมริกา) หรือ องค์การ "นาซ่า" (NASA) ได้ค้นพบว่า ดวงจันทร์ได้เคยแยกตัวออกเป็นสองซีกและหลังจากนั้นได้ประกบเข้าด้วยกันเหมือนเดิม  เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ภาษาอาหรับ "Al- Watan" ตีพิมพ์ในอเมริกา ได้อ้างคำพูดจากนักวิจัยด้านดาราศาสตร์ชาวจอร์แดน ได้เขียนในเรื่องนี้ว่า : ยานอวกาศ Clementine ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ทำการสำรวจในการโคจรรอบดวงจันทร์มาเป็นระยะเวลาหลายปีนั้น ได้ไปถึงข้อสรุปว่า ดวงจันทร์เมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมาได้แยกตัวออกเป็นสองส่วนเท่ากัน และได้ประกบเข้าด้วยกันเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง นักวิจัยชาวจอร์แดนผู้นี้ ด้วยกับการส่งคำรายงานหนึ่งไปยังองค์การนาซ่า (NASA) โดยแจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ชาวมุสลิมเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ 1,400 ปีที่ผ่านมา และมีความเกี่ยวข้องกับปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซะฮ์) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ที่เรียกว่า

"ชักกุลก้อมัร" (การผ่าดวงจันทร์)  องค์การนาซาไม่สามารถหาคำอธิบายสำหรับการค้นพบของตนได้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่หายากนี้ จวบจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับเทหะวัตถุแห่งท้องฟ้าใด ๆ มาก่อนเลย
         
บรรดานักบินอวกาศได้กล่าวว่า : องค์การนาซ่าได้ทำการศึกษาและค้นคว้าวิจัยในเรื่องนี้มาเป็นเวลาหลายปีและได้นำเสนอบทความจำนวนมากในเรื่องนี้สามารถพบเห็นรอยแยกต่างๆมากมายบนดวงจันทร์โดยภาพถ่ายต่างๆรอยแยกเหล่านี้มีสามประเภทประเภทแรกคือรอยแยกที่คดเคี้ยวเป็นกลียวประเภที่สองรอยแยกเป็นวงกลมบางครั้งเส้นผ่าศูนย์กลางของมันมีความยาวนับพันกิโลเมตรและประเภทที่สามรอยแยกเป็นทางตรงเหมือนเข็มขัดรอบดวงจันทร์บรรดานักวิทยาศาสตร์คาดคะเนว่ารอยแยกที่เป็นวงกลมนั้นอาจเกิดจากอุกกาบาตที่ตกลงมากระแทกกับดวงจันทร์แต่รอยแยกที่เป็นเหมือนเข็มขัดรอบดวงจันทร์นั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยการตกกระแทกของอุกกาบาตพวกเขาได้กล่าวต่อไปอีกว่า :

เป็นไปตามภาพต่างๆที่ได้ถูกนำเสนอโดยบรรดานักบินอวกาศนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสองซีกของดวงจันทร์นี้ภายหลังจากการแยกตัวออกจากกันแล้วมันได้ประกบเข้าด้วยกันอีกครั้งอย่างไร


 

ที่มา : เว็บไซต์ซอฮิบซะมาน

 

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

...
อาณาจักรดุอาสะฮัร
อรรถาธิบายดุอาอ์ ประจำวันที่ 14 ...
ในอายะฮ์ที่ได้กล่าวว่า "فَمَنِ ...
...
...
ในประโยคคำปฏิญาณ (อัชฮะดุ อันลา ...
อัลกุรอาน บทนิซาอฺ โองการที่ 29 ...
ดุอาประจำวันที่ 18 ...
ดุอากุเมล คำอ่านพร้อมความหมาย

 
user comment