ไทยแลนด์
Thursday 18th of April 2024
0
نفر 0

ปรัชญาของดุอาและคำวิงวอน

ปรัชญาของดุอาและคำวิงวอน


ปรัชญาของดุอาและคำวิงวอน

 

บรรดาที่ไม่รู้จักแก่นแท้และวิญญาณของดุอา ตลอดจนผลของการอบรมสั่งสอนและจิตวิทยา มักจะมีข้อท้วงติงเกี่ยวกับดุอาเสมอ บางครั้งพวกเขากล่าวว่า ดุอาคือปัจจัยที่ทำให้ล้าหลังและทำให้มนุษย์เกียจคร้าน เนื่องจากประชาชนแทนที่จะขวนขวาย และพยายามในหน้าที่การงานของตน หรือใช้เครื่องมือที่มีความก้าวหน้า เพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่กลับยกมือขอดุอา

 

บางครั้งกล่าวว่า การดุอาเป็นการก้าวก่ายภารกิจของพระเจ้า เนื่องจากพระองค์ทรงทราบดีว่า สมควรจะทำอย่างไร พระองค์ทรงรักปวงบ่าว ฉะนั้น พระองค์ทรงทราบดีว่าสิ่งใดสมควร และสิ่งใดไม่สมควรสำหรับมนุษย์ ดังนั้น เป็นเพราะเหตุอันใด ที่เราต้องดุอาทุก ๆ ชั่วโมงเพื่อทูนขอในสิ่งที่เราปรารถนา

 

บางครั้งพูดว่า การดุอาไม่ขัดแย้งกับตำแหน่งของการนอบน้อม และความพึงพอใจต่อหน้าความประสงค์ของพระองค์ดอกหรือ

 

พวกเขากล่าวท้วงติงต่าง ๆ นานา ทั้งที่พวกเขาลืมเลือนผลทางด้านจิตวิทยา สังคม และการอบรมสั่งสอนด้านจิตวิญญาณ เนื่องจากเมื่อมนุษย์ต้องการสร้างเป้าหมายให้แข็งแกร่ง และขจัดความต้องการของตนจำเป็นต้องมีที่อิงอาศัย ดุอาเปรียบเสมือนประทีปที่สว่างไสวในตัวมนุษย์

 

นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งกล่าวว่า การปราศจากคำวิงวอนของประชาชาติหนึ่ง เทียบเท่าความล่มจมของประชาชาตินั้น สังคมมีความต้องการในคำวิงวอนแต่สิ่งนั้นตนได้ทำลายจนหมดสิ้น ซึ่งปกติแล้วสังคมเช่นนี้จะไม่มีวันบริสุทธิ์จากความเสื่อมทรามและความหายนะเด็ดขาด

 

บรรดาที่เชื่อว่าดุอาเป็นสิ่งทำให้มึนงง นั่นเป็นเพราะว่าไม่เข้าใจความหมายของดุอา เนื่องจากดุอาไม่ได้หมายความว่าให้มนุษย์ถอดถอนตัวเองออกจากสื่อ หรือสาเหตุที่เป็นธรรมชาติ และแทนที่สิ่งเหล่านั้นด้วดุอา แต่จุดประสงค์หมายถึง หลังจากพยายามถึงที่สุด และใช้สื่อทุกอย่างที่มีแต่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือเราเข้าไปไม่ถึงเป้าหมาย หรือพบกับทางตัน ดังนั้น วิธีสุดท้ายเราจึงดุอากับพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้พระองค์ทรงช่วยเหลือในความสำเร็จ ซึ่งการพึ่งพิงพระเจ้าเป็นสาเหตุทำให้จิตวิญญาณ และความหวังของเรามีชีวิต และมีการขับเคลื่อน และจากการช่วยเหลือที่ไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ เราจึงดุอากับพระองค์ เพื่อคาดหวังกับพระองค์ ดังนั้น ดุอาคือ เครื่องมือเฉพาะเจาะจงเมื่อมนุษย์พบกับทางตัน มิใช่ปัจจัยที่มาแทนที่ปัจจัยทางธรรมชาติ

 

อีกนัยหนึ่ง ดุอาเป็นสื่อสร้างสรรค์ทำให้มนุษย์ได้สัมผัสกับความเมตตา และความดีงามของพระองค์มากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า การขวนขวายพยายามเพื่อความสมบูรณ์ หรือการค้นหาความดีงามมากขึ้น ก็คือการยอมจำนนต่อกฎเกณฑ์แห่งการสร้างสรรค์ของพระองค์ มิใช่สิ่งที่ขัดแย้ง

 

ดุอาเป็นการแสดงความเคารพภักดี และการนอบน้อมของปวงบ่าว ซึ่งดุอานั่นเองทำให้มนุษย์มุ่งมั่นต่ออาตมันบริสุทธิ์ของพระองค์มากยิ่งขึ้น และเหมือนกับการแสดงความเคารพภักดีอื่น ๆ ที่ส่งผลด้านการอบรมสั่งสอน ดุอาก็ให้ผลดังกล่าวเช่นกัน

 

ดุอามิได้เป็นการก้าวก่ายกิจการงานของพระเจ้าแต่อย่างใด อิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า ณ พระผู้อภิบาลมีตำแหน่งมากมาย ถ้าปราศจากดุอาจะไม่มีวันไปถึงยังตำแหน่งเหล่านั้นได้[1]

 
ความหมายที่แทัจริงของดุอา

 

ดุอาคือ การวิงวอนให้สาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ที่อยู่นอกอำนาจของมนุษย์ จากผู้ที่อำนาจของพระองค์ไม่มีทีสิ้นสุด และทุกการงานสำหรับพระองค์คือความง่ายดาย แต่การวิงวอนเหล่านี้ต้องไม่ออกมาจากปากเพียงอย่างเดียว แต่ต้องออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย ลิ้นเป็นเพียงตัวแทนที่ถ่ายทอดความต้องการ และความรู้สึกต่าง ๆ จากส่วนที่เล็กที่สุดของมนุษย์ และอวัยวะทุกส่วนบนร่างกาย ดุอาทำให้หัวใจและจิตวิญญาณของมนุษย์เข้าใกล้กับพระเจ้า อีกนัยหนึ่ง ความหมายของดุอาก็คือ การพิจารณาไปยังแก่นแท้ของทุกสรรพสิ่ง ซึ่งสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ของธรรมชาติล้วนมาจากพระองค์ ในความเป็นจริงดุอาคือ ความหยั่งรู้    ประเภทหนึ่ง เป็นการตื่นของจิตใจ ความคิด และการผูกสัมพันธ์กับพลังที่เร้นลับแห่งพระผู้ทรงสร้างสรรค์ ความดีงาม และความจำเริญทั้งหลาย ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า พระเจ้าไม่ทรงตอบรับดุอาของผู้ลืมเลือน

 
เงื่อนไขในการตอบรับดุอา

 

รายงานจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และอิมามผู้บริสุทธิ์ กล่าวถึงเงื่อนไขของการตอบรับดุอาว่า

 

1. ก่อนการกระทำทุกสิ่ง ต้องพยายามทำความสะอาดหัวใจและจิตวิญญาณ  ต้องลุแก่โทษในความผิด ต้องปรับปรุงแก้ไขตนเอง และต้องเชื่อฟังบรรดาผู้นำแห่งพระเจ้า อิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า พวกท่านต้องไม่วิงวอนขอต่อพระเจ้า เว้นเสียแต่ว่า ต้องสรรเสริญ ยกย่องพระองค์เสียก่อน ประสาทพรแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และทายาทผู้บริสุทธิ์ ต้องลุแก่โทษในความผิด หลังจากนั้นจึงดุอา

 

2. ต้องหลีกเลี่ยงจากทรัพย์สินต้องห้าม การกดขี่ และการเอาเปรียบผู้อื่น  ต้องไม่บริโภคอาหารที่ต้องห้าม ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า บุคคลที่ต้องการให้ดุอาของตนถูกยอมรับ อาหารและปัจจัยที่หามาได้ต้องสะอาด

 

3. ต้องไม่หลีกเลี่ยงการต่อสู้กับความเสื่อมทราม หรือการเชิญชวนไปสู่สัจธรรม เนื่องจากถ้ากระทำเช่นนั้น เท่ากับเป็นการละเว้นการเชิญชวนไปสู่ความดี และการห้ามปรามความชั่วร้าย แน่นอนดุอาของเขาจะไม่ถูกตอบรับ ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า ต้องเชิญชวนไปสู่ความดีงาม และห้ามปรามความชั่วร้าย ถ้าไม่เช่นนั้นพึงสังวรไว้เถิดว่า ความดีงามของสูเจ้าจะถูกควบคลุม และไม่ว่าจะดุอาอย่างใดก็จะไม่ถูกตอบรับ

 
การปฏิบัติตามสัญญาของพระเจ้า

 

การศรัทธา การปฏิบัติคุณงามความดี และความซื่อสัตย์คือ เงื่อนไขสำคัญของการตอบรับดุอา เนื่องจากบุคคลที่ไม่รักษาคำมั่นสัญญา อย่าได้คาดหวังการตอบรับดุอาจากพระผู้อภิบาล

 

มีผู้มาหาท่านอิมามอะลี (อ.) เพื่อรายงาน ดุอาของตนที่ไม่ถูกตอบรับ และกล่าวว่า ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าทรงตรัสว่า พวกเจ้าจงวิงวอนต่อฉัน และฉันจะตอบรับคำวิงวอนของเจ้า แต่ทำไมเมื่อพวกเราดุอาแล้ว พระองค์จึงไม่ทรงตอบรับ ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า หัวใจและความคิดของเจ้าทรยศต่อพระองค์ใน 8  ประการ ด้วยเหตุนี้ ดุอาจึงไม่ถูกตอบรับ ซึ่ง 8 ประการดังกล่าวได้แก่

 

1. เจ้ารู้จักพระเจ้า แต่เจ้าไม่ยอมปฏิบัติตามสิทธิของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ การรู้จักของเจ้าจึงไม่ก่อประโยชน์

2. เจ้าศรัทธาศาสนทูตของพระองค์ แต่เจ้าแสดงตนฝ่าฝืนต่อแบบฉบับของท่าน ดังนั้น ร่องรอยความศรัทธาของเจ้าอยู่ ณ แห่งหนใด

3. เจ้าอ่านคัมภีร์ของพระองค์ แต่เจ้าไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพูดว่า พวกเราได้ยินและปฏิบัติตามแล้ว หลังจากนั้นพวกเจ้าฝ่าฝืน

4. พวกเจ้ากล่าวว่า พวกเราเกรงกลัวการลงโทษของพระเจ้า แต่พวกเจ้ากลับปฏิบัติตัวให้ใกล้ชิดกับการลงโทษของพระองค์

5. พวกเจ้ากล่าวว่า พวกเรามุ่งหวังรางวัลตอบแทนของพระองค์ แต่พวกเจ้ากลับทำตนให้ห่างไกลจากรางวัลเหล่านนั้น

6. พวกเจ้าบริโภคความโปรดปรานต่าง ๆ ของพระองค์ แต่พวกเจ้าอกตัญญูไม่ขอบคุณพระองค์

7. พระองค์กำชับว่าพวกเจ้าว่าอย่าเจริญรอยตามเท้าของมารร้าย แต่พวกเจ้ากลับวางแผนเป็นมิตรกับมาร พวกเจ้าอ้างว่าเป็นศัตรูกับมาร แต่ในทางปฏิบัติมิได้แสดงการฝ่าฝืน

8. พวกเจ้าเปิดเผยความบกพร่องและข้อตำหนิของคนอื่น ส่วนของตนเองปิดบังอย่างมิดชิด การกระทำเหล่านี้พวกเจ้ายังคาดหวังการตอบรับดุอา จากพระองค์อีกกระนั้นหรือ ขณะที่พวกเจ้าเป็นผู้ปิดประตูด้วยมือของตนเอง ดังนั้น พวกเจ้าจงสำรวมตนพระเจ้าเถิด จงปรับปรุงแก้ไขการกระทำของตนเอง และจงกำชับความดีห้ามปรามความชั่วเถิด เพื่อว่าดุอาของพวกเจ้าจะได้ถูกตอบรับ

 

ฉะนั้น พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะตอบรับดุอาของปวงบ่าว เป็นคำสัญญาที่มีเงื่อนไข มิใช่คำสัญญาทั่วไป ซึ่งเงื่อนไขคือ ให้มนุษย์ปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ให้ไว้แก่พระองค์ และยกเลิกข้อตกลงที่ไร้สาระ เมื่อนั้นดุอาจะถูกตอบรับ

 

ซึ่งในความเป็นจริงดุอาต้องอยู่คู่กับความพยายาม ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า ผู้ดุอาโดยปราศจากความเพียรพยายาม ประหนึ่งลูกศรที่ยิงออกไปอย่างไร้จุดหมาย[2]

 

แหล่งอ้างอิง


[1] อุซูลอัลกาฟีย์ เล่ม 2 หน้า 338

[2นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮ์  ฮิกมะฮ์ที่  337

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์บะลาเฆาะฮ์

 

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

หมายเหตุการเข้ารับอิสลาม ...
...
การพลี” สูงสุดของการพิสูจน์ ...
...
...
อิมามมะฮ์ดี (อ.) ...
ไชฏอนศึกษา บทเรียนครั้งที่ 4/3 ...
ฮิญาบในอิสลาม
ท่านหญิงซัยนับ บินอะลี ...
ทำไมอิสลามห้ามดื่มสุรา

 
user comment