ไทยแลนด์
Friday 19th of April 2024
0
نفر 0

คุณค่าของการหลั่งน้ำตา

คุณค่าของการหลั่งน้ำตา

การร้องไห้
การร้องไห้ถือเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ขั้นสูงสุดของมนุษย์เมื่อได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ต่างๆ ในฮะดีษของบรรดามะอ์ศูมีนบางบทกล่าวถึงการร้องไห้บางประเภทว่าเป็นคุณลักษณะหนึ่งของบรรดาผู้ยำเกรง แต่ในบางฮะดีษก็ตำหนิการร้องให้บางประเภท อย่างไรก็ตาม จากการที่การร้องไห้เป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติของมนุษย์ต่อเหตุการณ์ต่างๆซึ่งในบางครั้งไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ฉะนั้น การส่งเสริมหรือการตำหนิในที่นี้จึงหมายถึงการส่งเสริมหรือตำหนิจุดประสงค์ที่เป็นเหตุของการร้องไห้นั่นเอง และ ณ ที่นี้ เราจะมาร่วมหาคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า “การร้องไห้ให้กับอิมามฮุเซนเป็นการร้องไห้ประเภทใด และมีประโยชน์สำหรับเราหรือไม่?

การร้องไห้ประเภทต่างๆ
จุดประสงค์ต่างๆที่เป็นเหตุให้มนุษย์ร้องไห้นั้นมีมากมาย อาทิเช่น
1. การร้องไห้ของทารกและเด็ก – ชีวิตของเราทุกคนเริ่มด้วยการร้องไห้ การร้องไห้ถือเป็นภาษาของทารกและเด็ก ซึ่งย่อมหมายถึงความปกติทางสุขภาพ
2. การร้องไห้ตื้นตัน – อย่างเช่นการที่แม่ร้องไห้ตื้นตันใจเมื่อพบลูกหลังจากที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน ซึ่งมักเกิดจากความดีใจสุดขีดโดยฉับพลัน
3. การร้องไห้จากความรู้สึกรัก – ความรักนับเป็นความรู้สึกขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนซึ่งในบางครั้งเป็นเหตุให้มนุษย์ร้องไห้ ยกตัวอย่างเช่นความรักที่ผู้ศรัทธามีแด่องค์อัลลอฮ์ที่ทำให้เขาร้องไห้ในขณะทำอะมั้ลอิบาดะฮ์
4. การร้องไห้ด้วยสำนึกและความเกรงกลัว – การไตร่ตรองถึงความยิ่งใหญ่ขององค์อัลลอฮ์และความต่ำต้อยของเรา การสำนึกผิดต่อพระองค์ในความผิดบาปต่างๆที่เรากระทำ สิ่งเหล่านี้ย่อมกดดันความรู้สึกและทำให้เราหลั่งน้ำตาแห่งความสำนึกผิดออกมาโดยไม่รู้ตัว
5. การร้องไห้เพราะความผูกพันในอุดมการณ์ – บางครั้งการร้องไห้ก็บ่งชี้ถึงความผูกพันในแง่อุดมการณ์ได้ อย่างเช่นการที่เราร้องไห้ให้กับบรรดาผู้เสียสละเพื่อศาสนา การร้องไห้ประเภทนี้มักปลุกระดมความรู้สึกฮึกเหิมในอุดมการณ์ ฉะนั้น การร้องไห้เพื่อบรรดาชะฮีดในฐานะผู้เสียสละเพื่ออุดมการณ์ศาสนาจึงปลุกเร้าจิตใจเราให้มีคุณลักษณะที่ไม่ต้องการกดขี่ผู้ใดและไม่ยอมให้ใครมากดขี่เรา
6. การร้องให้อันเนื่องมาจากความรู้สึกต่ำต้อยและปราชัยในชีวิต - บุคคลที่อ่อนแอและสิ้นหวังในการดำเนินชีวิตย่อมร้องไห้เมื่อประสบกับภัยพิบัติต่างๆ

เมื่อพิจารณาถึงความรู้สึกเหล่านี้ทั้งหมด การร้องไห้ให้กับท่านอิมามฮุเซนสามารถที่จะเป็นการร้องไห้อันเกิดจากความรักได้ เพราะความรักมักจะเกิดจากการที่เรารับรู้ถึงคุณลักษณะที่พึงปราถนาในตัวคนบางคน การที่เรารับรู้ถึงฐานะอันสูงส่งและคุณลักษณะอันโดดเด่นของอิมามฮุเซน ทำให้เรามีความรักต่อท่านดังที่พระองค์ทรงประสงค์ให้เกิดขึ้นในใจของปวงบ่าวของพระองค์
"قل لا اسئلکم علیه من اجر الّا المودّة فی القربی"

และเมื่อเราทราบว่าผู้ที่เรารักถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด เราจะสามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้หลั่งออกมาได้หรือ ?

การร้องไห้ต่อโศกนาฎกรรมของอิมามฮุเซน
การร้องไห้ให้กับท่านอิมามฮุเซนและเครือญาติสามารถที่จะเกิดจากความตื้นตันใจได้ แน่นอนว่าไม่ไช่ความตื้นตันใจที่ท่านและครอบครัวถูกสังหาร แต่เป็นความตื้นตันใจเมื่อได้ยินวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของเหล่าผู้กล้าแห่งกัรบะลา พวกเขาไม่ว่าหญิงหรือชาย ไม่ว่าจะคนชราหรือเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ล้วนได้เปล่งคำพูดและแสดงท่าทีอันฮึกเหิมต่อศัตรูแม้จะอิดโรย เหนื่อยล้าและกระหายน้ำเพียงใดก็ตาม ในขณะเดียวกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าอิมามฮุเซน คำพูดของพวกเขาบ่งบอกถึงการให้เกียรติอย่างสุดซึ้งประหนึ่งทาสที่กำลังพูดกับผู้เป็นนาย

การร้องไห้ให้กับอิมามฮุเซนสามารถที่จะเกิดจากความผูกพันในอุดมการณ์ของท่านได้ เพราะท่านมีอุดมการณ์อิสลามอันบริสุทธิและมีเจตนารมณ์อันแรงกล้าที่จะฟื้นฟูอุมมัตของท่านนบีผู้เป็นตาของท่าน ซึ่งเป็นการฟื้นฟูอุมมัตอย่างครบวงจรไม่ว่าจะในแง่จิตวิญญาณ สังคม การเมือง ฯลฯ หากเรามีใจที่เป็นกลางและรักในอัลอิสลาม เมื่อเราศึกษาถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของท่าน เราจะรู้สึกผูกพันกับท่าน และจะร่ำไห้ด้วยความรู้สึกเดียวกันนี้เมื่อเราได้ยินเรื่องราวการเสียสละของท่าน แน่นอนว่าการร้องไห้ให้กับอิมามฮุเซนย่อมปฏิวัติหัวใจของเรา เมื่อนั้นเราจะรู้สึกว่าเราพร้อมที่จะเสียสละเพื่ออิสลามได้ทุกเมื่อ และพร้อมจะต่อสู้กับผู้ไม่หวังดีกับอิสลามไม่ว่าเขาจะเป็นใหญ่เป็นโตมาจากใหนก็ตาม ดังที่ท่านอิมามฮุเซนยืนหยัดต่อสู้กับความอธรรมของยะซีด โดยไม่สนว่าตัวท่านเองจะมีกำลังพลเพียงใด และไม่ว่ายะซีดจะมีอำนาจบารมีคับฟ้าเพียงใดก็ตาม ท่านอิมามโคมัยนีเคยกล่าวไว้ว่า “เราคือประชาชาติแห่งหยาดน้ำตาทางการเมือง เราคือประชาชาติที่จะสร้างคลื่นยักษ์จากหยาดน้ำตาของเรา และจะพังทลายเขื่อนและปราการทุกแห่งที่บังอาจปิดกั้นหนทางแห่งอิสลาม”

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่การร้องไห้ให้อิมามฮุเซนจะเป็นการร้องไห้ที่เกิดจากความท้อแท้และสิ้นหวัง เพราะหยาดน้ำตาเหล่านี้มีต้นกำเนิดจากบ่อน้ำทิพย์แห่งเกียรติยศและความฮึกเหิม และไม่ใช้น้ำตาแห่งความนิ่งดูดาย แต่เป็นน้ำตาที่ประกาศศักดาก้องกังวาน ไม่ไช่น้ำตาที่เย็นชา แต่เป็นน้ำตาที่เร่าร้อน ไม่ไช่น้ำตาของผู้ขลาดกลัว แต่เป็นน้ำตาของผู้ห้าวหาญ ไม่ไช่น้ำตาของผู้สิ้นหวังและท้อแท้ แต่เป็นน้ำตาของผู้มีความหวังแรงกล้า ไม่ไช่น้ำตาจากผงฝุ่นที่ระคายตา แต่เป็นน้ำตาจากปัญญาและความสำนึก แน่นอนว่าธารน้ำตาที่หลั่งจากปัญญาและจิตสำนึกย่อมขวางกั้นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการต่อสู้ของอิมามฮุเซน และอาจเป็นเพราะเหตุผลดังกล่าว ที่มีฮะดีษมากมายบ่งบอกถึงมรรคผลและคุณค่าอันมหาศาลของการร้องไห้ให้กับอิมามฮุเซน อย่างเช่นฮะดีษจากท่านอิมาม ญะฟัร อัศศอดิก ที่กล่าวไว้ว่า “การร้องไห้และคร่ำครวญในความทุกข์ยากต่างๆเป็นสิ่งที่พึงหลีกเลี่ยง นอกจากการร้องไห้ให้กับฮุเซนที่เป็นที่อนุญาติอีกทั้งมีมรรคผลอีกด้วย”

คุณประโยชน์ของการร้องไห้ต่อโศกนาฎกรรมของอิมามฮุเซน
การไว้อาลัยและหลั่งน้ำตาให้กับอิมามฮุเซนมีบะเราะกัตและคุณประโยชน์มหาศาล ดังที่จะหยิบยกมากล่าวต่อไปนี้
1. เพื่อกอบกู้และรักษาบทเรียนที่ได้จากวีรกรรมกัรบะลา – ทราบใหมครับว่าในหน้าประวัติศาสตร์ เหล่าผู้ปกครองที่อธรรมมักจะประกาศห้ามจัดมัญลิสไว้อาลัยเพื่ออิมามฮุเซน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซนมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดโปงความฉ้อฉลของผู้ปกครองเสมอมา มัญลิสอิมามฮุเซนนับเป็นมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ ที่สามารถดึงดูดใจประชาชนสู่คำสอนของอิสลามอย่างงดงามและน่าทึ่ง เป็นสถานที่ๆปลุกเร้าความรู้สึกและจิตสำนึกของผู้หลงลืมศาสนา และเป็นสถานที่ๆสามารถเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาและการเมืองได้เป็นอย่างดี การร้องไห้และการจัดมัญลิสไว้อาลัยอิมามฮุเซนมิเพียงแต่รักษาเสาหลักแห่งศาสนาให้คงอยู่ตราบทุกวันนี้ แต่ยังทำให้ผู้ที่เข้าร่วมมัญลิสได้รับการอบรมตามแนวทางอิสลามในแบบฉบับของหลานรักของท่านศาสดาอีกด้วย มอริส ดักเบอรี ชาวตะวันตกได้กล่าวว่า “หากบรรดานักประวัติศาสตร์ของเราสามารถเข้าถึงแก่นแท้และรับรู้ความเป็นมาของวันนี้ (อาชูรอ) พวกเขาจะหยุดกล่าวโจมตีการไว้อาลัยดังกล่าวว่าเป็นการกระทำของคนสติแตกอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพราะผู้ที่ไว้อาลัยแด่ฮุเซนย่อมเข้าใจถึงความต่ำต้อยของการอยู่ภายใต้อาณัติของประเทศล่าอาณานิคม และจะไม่มีวันยอมรับความต่ำต้อยนี้เด็ดขาด เพราะคำขวัญที่สำคัญที่สุดของหัวหน้าพวกเขาคือการไม่ยอมอยู่ภายใต้การกดขี่นั่นเอง

2. เพิ่มพูนความรักที่มีต่ออิมามฮุเซนและความรังเกียจที่มีต่อศัตรูของท่าน – หากผู้ใดยังพอมีเศษเสี้ยวแห่งความเมตตาอยู่ในหัวใจ เขาจะไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้เมื่อได้ยินเรื่องราวอันน่าเศร้าใจของอิมามฮุเซน หยาดน้ำตาเหล่านี้นอกจากจะเสริมสร้างความรักความผูกพันกับท่านอิมามแล้ว ยังเพิ่มพูนความรังเกียจที่มีต่อศัตรูของท่านอีกด้วย ส่งผลให้ผู้หลั่งน้ำตาพยายามปลีกตัวออกห่างพฤติกรรมและลักษณะนิสัยของเหล่าศัตรูของท่าน ตามปกติแล้ว ผู้ที่มีบุคลิกภาพดีมักหลีกเลี่ยงการร้องไห้ในที่สาธารณะตราบใดที่เขายังสามารถระงับความเศร้าโศกของเขาได้ แต่เมื่อความโศกเศร้าของเขาทลายเขื่อนน้ำตาเมื่อได้ยินโศกนาฏกรรมกัรบะลา ย่อมหมายถึงการที่เขารังเกียจพฤติกรรมของผู้มีอำนาจที่ละเมิดสิทธิของพระองค์และสิทธิของผู้อื่นอย่างเป็นที่สุด

3. เพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับศาสนา – มัญลิสอิมามฮุเซนสามารถเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสนาได้เป็นอย่างดี เพราะผู้บรรยายในมัญลิสจะตีแผ่แง่มุมต่างๆของอิสลามและแบบฉบับของอะฮ์ลุลบัยต์ให้ผู้ฟังเข้าใจและนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

4. เพื่อได้รับการอภัยโทษจากพระองค์ – อิบนุ ชะบีบรายงานจากท่านอิมามริฏอว่า ท่านเคยกล่าวไว้ว่า “ โอ บุตรของชะบีบเอ๋ย หากเธอหลั่งน้ำตาให้ฮุเซนกระทั่งหยาดน้ำตาใหลรินอาบแก้มทั้งสอง พระองค์จะทรงอภัยโทษบาปของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นบาปเล็กหรือบาปใหญ่ และไม่ว่าจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม” ท่านยังเคยกล่าวไว้อีกว่า “ ผู้คนทั้งหลายควรจะร่ำไห้ให้กับบุคคลเยี่ยงฮุเซน เพราะการร่ำไห้ให้กับท่านจะทำให้บาปใหญ่ร่วงหล่นไปหมดสิ้น”

5. ได้พำนักในสรวงสวรรค์ – ท่านอิมามบากิรได้กล่าวไว้ว่า “มุอ์มินคนใดก็ตามที่หลั่งน้ำตาอาบสองแก้มเพราะโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับฮุเซน พระองค์จะทรงประทานสรวงสวรรค์ให้เป็นที่พำนักของเขาตราบชั่วนิรันดร์” ท่านอิมามศอดิกกล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่อ่านโคลงกลอนและร่ำไห้ให้กับฮุเซน และทำให้ผู้อื่นร่ำไห้ พระองค์จะทรงประทานสรวงสวรรค์ให้แก่พวกเขา และใครก็ตามที่หลั่งน้ำตาแม้เพียงเท่าปีกแมลงวันเมื่อได้ยินเรื่องราวของฮุเซน ผลบุญของเขาจะได้รับการบันทึก ณ พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะไม่โปรดปรานผลรางวัลอื่นใดที่ด้อยค่ากว่าสวรรค์สำหรับเขา” ท่านยังได้กล่าวไว้ในฮะดีษอีกบทหนึ่งว่า “ผู้ใดก็ตามที่ร่ำไห้ หรือทำให้ผู้อื่นร้องไห้ หรือแสดงความโศกเศร้าประดุจกำลังร้องไห้(เพราะอาลัยรักฮุเซน) แน่นอนว่าสรวงสวรรค์จะถูกลิขิตสำหรับเขา”

6. ได้รับการบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ(ด้วยพลานุภาพของพระองค์อัลลอฮ์) – หลายครั้งหลายคราที่มีผู้ได้พบเห็นผู้ร่วมมัญลิสอิมามฮุเซนได้รับการบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ เล่ากันว่ามัรญะอ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกอิมามียะฮ์ ท่านอายะตุลลอฮ์ อัลอุซมา บุรูเญรดี มีสุขภาพตาที่ดีเยี่ยมแม้ท่านจะมีอายุมากกว่า 90 ปีก็ตาม โดยท่านสามารถอ่านตัวหนังสือเล็กๆได้โดยไม่ต้องพึ่งแว่นตา ท่านกล่าวเสมอว่า “ฉันเป็นหนี้บุญคุณท่านอิมามฮุเซน” พร้อมกับเล่าถึงความเป็นมาดังนี้..

“ในสมัยที่ฉันยังอยู่ที่เมืองบุรูเญรด์ ฉันรู้สึกปวดตาอย่างรุนแรง สิ่งที่น่ากังวลใจก็คือ การที่บรรดาแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เลย อาการปวดนับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น จนกระทั่งเดือนมุฮัรรอมมาถึง ในช่วงสิบวันแรกมีผู้รู้ท่านหนึ่งขึ้นบรรยาย มีผู้ไว้อาลัยทยอยเข้ามาร่วมมัญลิสเป็นหมู่คณะ หนึ่งในคณะเหล่านี้มีคณะที่ชื่อ “ฆิลฆีร”อยู่ด้วย ซึ่งมักจะมีซัยยิด(ลูกหลานนบี)และอุละมาอ์ร่วมอยู่หลายคน พวกเขามักจะนำโคลนมาป้ายศีรษะและหน้าอก(เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความโศกเศร้า) ขณะที่คณะนี้มาถึงที่บ้านฉัน ฉันกำลังนั่งร้องไห้เบาๆอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อเหลือบไปเห็นผงดินที่อยู่บนเท้าของคนกลุ่มนี้ ฉันจึงได้แตะมาป้ายที่ตาของฉัน และการตะวัสสุลนี้ทำให้อาการปวดตาทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ จากวันนั้นถึงวันนี้ นอกจากอาการปวดตาจะหายขาดแล้ว ทุกวันนี้ฉันไม่จำเป็นต้องใช้แว่นตาเลย” แม้ว่ากำลังวังชาของท่านจะลดลงในบั้นปลายชีวิตของท่าน แต่สุขภาพตาของท่านยังปกติจนกระทั่งท่านเสียชีวิต

7. รอดพ้นจากการร้องไห้ในวันกิยามะฮ์ – ท่านนบีเคยกล่าวแก่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ว่า “ทุกดวงตาจะร่ำไห้ในวันกิยามะฮ์นอกจากดวงตาที่เคยร่ำไห้ให้กับความทุกข์เข็ญของฮุเซน บุคคลเหล่านี้จะยิ้มแย้มด้วยกับเนี้ยะมัตแห่งสรวงสวรรค์ที่พวกเขาจะได้รับในวันกิยามะฮ์

8. รอดพ้นจากไฟนรกและความยากลำบากในยามเสียชีวิต – มุสมะอ์รายงานว่า ท่านอิมามศอดิกเคยกล่าวไว้ว่า “ เธอรำลึกถึงสิ่งที่พวกเขากระทำกับฮุเซนบ้างหรือไม่?” ฉันกล่าวตอบว่า “ครับ” ท่านกล่าวว่า “แล้วเธอร้องไห้หรือปล่าว” ฉันตอบว่า “ครับผม กระผมร้องไห้กระทั่งร่องรอยความโศกเศร้าปรากฏที่ใบหน้าของกระผม” ท่านกล่าวว่า “ขอพระองค์ทรงโปรดปรานหยาดน้ำตาของเธอ จงรู้ไว้เถิดว่า เธอคือหนึ่งในผู้ที่โศกาอาลัยเพื่อเรา เธอดีใจกับความรื่นรมย์ของเรา และเสียใจกับความทุกข์โศกของเรา รู้ไว้เถิดว่า ในไม่ช้านี้ เมื่อความตายมาเยือนเธอ เธอจะได้เห็นบรรดาบรรพบุรุษของฉันนั่งอยู่ใกล้ๆโดยทอดสายตามองเธอ และกล่าวฝากฝังเธอแก่มะลิกุลเมาต์ (มะลาอิกะฮ์แห่งความตาย) แล้วเธอจะได้เห็นว่ามะลิกุลเมาต์จะเมตตาต่อเธอประดุจมารดาที่เมตตาลูกน้อยเลยทีเดียว” หลังจากนั้นท่านยังได้กล่าวเสริมอีกว่า “ผู้ใดก็ตามที่หลั่งน้ำตาเนื่องจากความปวดร้าวในความทุกข์ยากที่ประสบกับพวกเรา ความเมตตาของพระองค์จะแผ่ครอบคลุมเขาก่อนที่น้ำตาของเขาจะใหลรินออกมาเสียอีก และเมื่อน้ำตาของเขาใหลรินอาบสองแก้ม หากหยาดน้ำตาเหล่านี้หยดลงบนนรกอันร้อนแรง ไฟนรกก็จะดับมอดลงอย่างแน่นอน ไม่มีดวงตาคู่ใดที่ร่ำไห้เนื่องจากอาลัยรักเรานอกจากจะได้ลาภอันประเสริฐ นั่นคือได้เห็นบ่อน้ำเกาษัรและได้ดื่มน้ำจากบ่อดังกล่าวพร้อมกับเหล่ามิตรสหาย”

หากพิจารณาโดยใช้ฮะดีษข้างต้นเป็นที่ตั้ง ในเมื่อไฟนรกที่ไม่อาจเทียบได้กับไฟในดุนยายังดับมอดลงเมื่อสัมผัสหยาดน้ำตาของผู้ไว้อาลัยอิมามฮุเซน หากเราได้ยินเรื่องราวที่เปลวไฟในดุนยาไม่สามารถเผาเรือนร่างของผู้ไว้อาลัยแด่ท่านอิมามได้ ก็ไม่ไช่เรื่องที่น่าประหลาดใจอีกต่อไป

เรื่องเล่าจากอินเดีย
ดร. อิสมาอีล มุญาบ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจเมื่อครั้งที่เขาได้มีโอกาสไปเยือนประเทศอินเดีย เขาได้เล่าว่า มีนักธุรกิจชาวฮินดูกลุ่มหนึ่งที่รักและเคารพท่านอิมามฮุเซน และต้องการให้ทรัพย์สินของเขามีศิริมงคล นักธุรกิจกลุ่มนี้จึงได้เจียดกำไรของทุกปีมาช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของมัญลิสอิมามฮุเซน บ้างก็จ้างชีอะฮ์ให้ทำน้ำหวานและไอศครีมเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ร่วมมัญลิส โดยตัวเขาเองยืนก้มหน้าไว้อาลัยและช่วยแจกจ่ายด้วย บ้างก็แจกเงินให้ผู้ร่วมมัญลิสเพื่อใช้จ่ายในกิจการมัญลิสต่อไป มีอยู่คนหนึ่งที่มักจะร่วมเดินมะตั่ม(ตบอก)กับบรรดาผู้ไว้อาลัยเป็นประจำทุกปี เมื่อนักธุรกิจฮินดูคนนี้เสียชีวิต ญาติของเขาก็นำไปเผาตามประเพณีของชาวฮินดู ไฟเผาร่างของเขาจนมอดไหม้ทุกอวัยวะ แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า ไฟไม่อาจเผามือขวาและเนื้อบริเวณอกของเขาได้เลยแม้แต่น้อย ญาติของผู้ตายจึงนำอวัยวะดังกล่าวมาที่กุโบรของชีอะฮ์พร้อมกับกล่าวว่า “ได้โปรดรับไปเถิด อวัยวะสองส่วนนี้เป็นกรรมสิทธิของฮุเซนของพวกท่าน”





บทความโดย มุญาฮิด ฮาริซี

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

ชีอะฮฺในตำราซอเฮียะห์
...
สุนทรพจน์ของท่านอิมามฮูเซน (อ.) ...
...
...
ปีศาจ (ซาตาน) ...
เตาฮีด เอกภาพแห่งอัลลอฮฺ ...
จอมราชันย์แห่งโคราซาน ...
อรรถาธิบายดุอาอ์ ประจำวันที่ 11 ...
วิทยปัญญา 10 ประการ ...

 
user comment